ค้นหาบล็อกนี้
วันอาทิตย์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2565
การสื่อสาร multie Email
บก.สังวาลย์ คำจันทร์ /ผู้เขียนบทความ
elsestudio blogspot
บีนทึกโพส
วันอาทิตย์, กันยายน 11, 2565
ไม่มีความคิดเห็น:

วันอังคารที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2565
PA23 กลุ่มเมืองใต้
กลุ่มโรงเรียนเมืองใต้
1. โรงเรียนบ้านหัวดอย (ขยายโอกาส )
2. โรงเรียนบ้านสันโค้ง (เชียงรายจรูญราษฎร์)
3. โรงเรียนบ้านท่าสาย
4.โรงเรียนอนุบาลฮ่องลี่(ค่ายเม็งรายมหาราชอุปถัมภ์)
5. อนุบาลเมืองเชียงราย (สันทรายราษฎร์ดรุณานุเคราะห์)
6. โรงเรียนอนุบาลหัวฝาย
ประเมินผลการปฏิบัติงาน รูปแบบใหม่ที่นำมาใช้เป็นส่วนหนึ่งในพิจารณาเกี่ยวกับเงินเดือนและการขอวิทยฐานะ ทั้งการขอเลื่อนวิทยฐานะ การขอเลื่อนขั้นเงินเดือน และการคงไว้ซึ่งวิทยฐานะ ซึ่งถูกกำหนดขึ้นโดยสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.)
จุดเด่นของ วPA
การประเมินด้วยรูปแบบ วPA จะช่วยแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของข้าราชการครูในหลากหลายมิติมากขึ้น และมีความเป็นวิชาการมากขึ้น ทั้งศักยภาพด้านภาระงานที่ได้ปฏิบัติ จุดเด่นและจุดด้อยในการรับผิดชอบงานต่าง ๆ รวมถึงการมีส่วนร่วมในการพัฒนาสถานศึกษาให้ประสบความสำเร็จ ซึ่งข้อมูลที่ได้นอกจากจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาตัวเองของข้าราชการครูแล้ว ยังเป็นส่วนสำคัญในการปรับปรุงพัฒนาเพื่อขับเคลื่อนสถานศึกษาให้มีคุณภาพอีกด้วย การประเมิน
รอบการประเมินรอบที่ 2 จะอยู่ระหว่างวันที่ 30 กันยายน 2565 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2566
รอบการประเมินรอบที่ 3 จะอยู่ระหว่างวันที่ 30 กันยายน 2566 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2567
รอบการประเมินรอบที่ 4 จะอยู่ระหว่างวันที่ 30 กันยายน 2567 ถึง 30 กันยายน 2568
ซึ่งกรณีมีคุณสมบัติตามเกณฑ์จะต้องมีระยะเวลาการดำรงตำแหน่งวิทยฐานะ 4 ปี และมี PA ที่ผ่านเกณฑ์ 3 รอบการประเมินกรณีเป็นไปตามเงื่อนไขการลดระยะเวลาจะมีระยะเวลาการดำรงตำแหน่งวิทยฐานะ 3 ปีและมี PA ที่ผ่านเกณฑ์2 รอบการประเมินนั่นเองครับ
สรุปการประเมินตำแหน่งและวิทยฐานะ วPA ตามมาตรฐานใหม่ ล่าสุด
การยื่น จะเริ่มตั้งแต่ 1 ตุลาคม 64
ตัวอย่างเช่น คุณครู ได้มีการเก็บวิทยฐานะเป็นเกณฑ์เดิมอยู่คุณครูจะยังไม่สามารถนำมาใช้ในการประเมินได้เป็นรอบแรกของ PA ได้นะครับ
โดยการประเมินรอบแรกทุกคนจะต้องทำ ว. PA หมดทุกคน โดยจะเริ่มประเมินรอบแรก ว.PA
ช่วงวันที่ 1 ตค 64- 30 กย 65
และให้คุณครูเก็บผลงานเดิมของ ว.21 ว.17 ว.13 ที่เก็บล่าสุด ไว้จะสามารถนำมาใช้ได้เมื่อประเมินรอบ 2 เท่านั้นครับผมช่วง 30 ก.ย. 66 – 30 ก.ย. 67
แต่ข้าราชการครูที่อยู่ระหว่างขอทบทวนมติ ก.ค.ศ. ตามว. 13 /56 จะยื่นคำขอตามว. 17/5 2 หรือว.21/60 สามารถยื่นเรื่องได้ภายใน 30 กันยายน 2565 ซึ่งกำหนดให้ยื่นได้ภายใน 1 ปีนับแต่วันที่มีคุณสมบัติครบหรือได้รับแจ้งมติ

จุดเด่นของ วPA
การประเมินด้วยรูปแบบ วPA จะช่วยแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของข้าราชการครูในหลากหลายมิติมากขึ้น และมีความเป็นวิชาการมากขึ้น ทั้งศักยภาพด้านภาระงานที่ได้ปฏิบัติ จุดเด่นและจุดด้อยในการรับผิดชอบงานต่าง ๆ รวมถึงการมีส่วนร่วมในการพัฒนาสถานศึกษาให้ประสบความสำเร็จ ซึ่งข้อมูลที่ได้นอกจากจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาตัวเองของข้าราชการครูแล้ว ยังเป็นส่วนสำคัญในการปรับปรุงพัฒนาเพื่อขับเคลื่อนสถานศึกษาให้มีคุณภาพอีกด้วย การประเมิน
สาระ.....
จากนั้นวันที่ 1 ตุลาคม 2564 คุณครูทุกคนต้องเริ่มทำเกณฑ์ PA โดยรอบการประเมิน
รอบที่ 1 จะอยู่ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2564 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2565รอบการประเมินรอบที่ 2 จะอยู่ระหว่างวันที่ 30 กันยายน 2565 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2566
รอบการประเมินรอบที่ 3 จะอยู่ระหว่างวันที่ 30 กันยายน 2566 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2567
รอบการประเมินรอบที่ 4 จะอยู่ระหว่างวันที่ 30 กันยายน 2567 ถึง 30 กันยายน 2568
ซึ่งกรณีมีคุณสมบัติตามเกณฑ์จะต้องมีระยะเวลาการดำรงตำแหน่งวิทยฐานะ 4 ปี และมี PA ที่ผ่านเกณฑ์ 3 รอบการประเมินกรณีเป็นไปตามเงื่อนไขการลดระยะเวลาจะมีระยะเวลาการดำรงตำแหน่งวิทยฐานะ 3 ปีและมี PA ที่ผ่านเกณฑ์2 รอบการประเมินนั่นเองครับ
สรุปการประเมินตำแหน่งและวิทยฐานะ วPA ตามมาตรฐานใหม่ ล่าสุด
การยื่น จะเริ่มตั้งแต่ 1 ตุลาคม 64
ตัวอย่างเช่น คุณครู ได้มีการเก็บวิทยฐานะเป็นเกณฑ์เดิมอยู่คุณครูจะยังไม่สามารถนำมาใช้ในการประเมินได้เป็นรอบแรกของ PA ได้นะครับ
โดยการประเมินรอบแรกทุกคนจะต้องทำ ว. PA หมดทุกคน โดยจะเริ่มประเมินรอบแรก ว.PA
ช่วงวันที่ 1 ตค 64- 30 กย 65
และให้คุณครูเก็บผลงานเดิมของ ว.21 ว.17 ว.13 ที่เก็บล่าสุด ไว้จะสามารถนำมาใช้ได้เมื่อประเมินรอบ 2 เท่านั้นครับผมช่วง 30 ก.ย. 66 – 30 ก.ย. 67
แต่ข้าราชการครูที่อยู่ระหว่างขอทบทวนมติ ก.ค.ศ. ตามว. 13 /56 จะยื่นคำขอตามว. 17/5 2 หรือว.21/60 สามารถยื่นเรื่องได้ภายใน 30 กันยายน 2565 ซึ่งกำหนดให้ยื่นได้ภายใน 1 ปีนับแต่วันที่มีคุณสมบัติครบหรือได้รับแจ้งมติ

บก.สังวาลย์ คำจันทร์ /ผู้เขียนบทความ
elsestudio blogspot
บีนทึกโพส
วันอังคาร, กันยายน 06, 2565
ไม่มีความคิดเห็น:

Labels: Q&A - แสดงความคิดเห็น
ประชาสัมพันธ์,
ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านหัวดอย
วันเสาร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2565
ภัยคุกคาม 9 ประเภท
ข้อดีของ e-sports
- ทำรายได้ให้กับคนเล่นได้จริง ยิ่งใครมีความสามารถ เล่นได้เก่ง พร้อมมีทักษะ เทคนิค ก็สามารถสร้างเงินจนร่ำรวยได้ไม่ยาก
- ไม่ใช่ทุกคนที่จะประสบความสำเร็จในการเป็นนักกีฬา e-sports มืออาชีพ และได้เงินรางวัลจากการแข่งขัน คุณจึงต้องเก่งมาก ๆ
- มีสมาธิ เกิดความตั้งใจในการทำสิ่งต่าง ๆ อย่างแน่วแน่ เพราะการจะเป็นนักกีฬา e-sports ได้ไม่ใช่แค่เล่นเกมเก่งแต่ต้องเกิดจากความตั้งใจและเรียนรู้ทักษะ เทคนิคการแข่งขันที่ถูกต้องเสมอ
- ได้ฝึกวินัยในตนเอง เพราะนี่ถือเป็นการแข่งขันกีฬาประเภทหนึ่ง ไม่ใช่การนั่งเล่นเกมทั้งวัน ต้องมีช่วงเวลาในการฝึกซ้อมตามระบบที่เหมาะสม สามารถเอาวินัยตรงนี้ไปใช้ในอนาคตต่อได้
- สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่น เพราะการแข่งขัน e-sports หลายประเภทต้องใช้ระบบทีม รวมถึงนักกีฬาส่วนมากก็ต้องมีเข้าร่วมทีมเพื่อส่งแข่งขัน ดังนั้นจึงช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่นได้นั่นเอง
- ในวงการจิตแพทย์ยกให้ e-sports เป็นหนึ่งในวิธีรักษาโรค โดยเฉพาะการบำบัดปัญหาเด็กติดเกมเนื่องจากพวกเขาจะได้เล่นอย่างถูกวิธี มีเวลาชัดเจนมากขึ้น
- ใช้เวลาให้เกิดประโยชน์และคุ้มค่ามากขึ้น เพราะพ่อแม่บางคนไม่เข้าใจว่าทำไมลูก ๆ ถึงเล่นแต่เกม ทว่าพวกเขาสามารถสร้างประโยชน์ได้มากกว่าที่คิด โดยเฉพาะเรื่องรายได้ ชื่อเสียง
- เมื่อเข้าเป็นนักกีฬา e-sports มืออาชีพจริง ๆ จะได้สุขภาพที่ดีด้วย เพราะในคอร์สฝึกต้องมีการออกกำลังกายเหมือนนักกีฬาทั่ว ๆ ไปเขาทำกัน10. มีส่วนช่วยในเรื่องการจดจำ เพราะสมองต้องพบเจอกับสิ่งที่ต้องเรียนรู้ตลอดเวลา ทักษะในการจดจำเพื่อคว้าชัยชนะให้ได้จึงเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเสมอ
ข้อเสียของ e-sports
- ทำให้คนติดเกมโดยไม่รู้ตัว เพราะเข้าใจว่าอยากเป็นนักกีฬา e-sports ต้องเล่นเกมเยอะ ๆ เข้าไว้
- ไม่ใช่ทุกคนที่จะประสบความสำเร็จในการเป็นนักกีฬา e-sports มืออาชีพ และได้เงินรางวัลจากการแข่งขัน คุณจึงต้องเก่งมาก ๆ
- เสียเวลาในการทำอย่าง เช่น เอาเวลาไปเรียนหนังสือ, หางานทำที่มั่นคง, อ่านหนังสือฝึกสมอง, เล่นกีฬาออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ ฯลฯ
- ขาดรายได้ในการใช้จ่ายต่าง ๆ เพราะอย่างที่บอกว่าไม่ใช่ทุกคนจะประสบความสำเร็จแล้วได้เงิน บางทีเล่นไปแต่ไม่ได้อะไรกลับมา รายได้ก็ไม่มีอีกต่างหาก
- เสียสุขภาพ คนที่ไม่รู้วิธีฝึกฝนอย่างถูกต้องจะคิดว่ายิ่งเล่นเยอะชั่วโมง ประสบการณ์ก็มากขึ้น คราวนี้ทั้งเสียสายตา สุขภาพเพราะนั่งอยู่กับหน้าคอม
- ภาพลักษณ์ภายนอกถูกมองว่าเป็นคนติดเกม เพราะมันคือเรื่องจริงเวลาใครเห็นก็อยู่แต่หน้าจอเพื่อเล่นเกม
- ขาดการปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับบุคคลภายนอก เพราะคนที่เล่นเกมส่วนใหญ่จะไม่ค่อยสนใจโลกภายนอกมากนัก คุยกันแต่คนในเกม พอมาเจอคนอื่น ๆ ในสังคมจะทำตัวไม่ถูก
- กลายเป็นคนใจร้อน หัวรุนแรง เพราะในหลาย ๆ เกมผู้เล่นต้องมีอารมณ์ร่วมด้วยเสมอ นิสัยนี้อาจติดมาโดยไม่รู้ตัวเมื่อไปทำกับคนอื่นก็อาจมีปัญหาตามมาได้
- มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะเรื่องของค่าไฟฟ้า ที่หากเล่นในบ้านทั้งวันทั้งคืน คงไม่ต้องบอกว่าค่าไฟจะแพงมหาศาลขนาดไหน
- ศักยภาพด้านอื่น ๆ ไม่ได้ถูกพัฒนา เพราะในหัวมีแต่เรื่องของเกมเพียงอย่างเดียว ส่งผลให้ประสิทธิภาพ ความสามารถของร่างกายด้านอื่นด้อยลงไป
บก.สังวาลย์ คำจันทร์ /ผู้เขียนบทความ
elsestudio blogspot
บีนทึกโพส
วันเสาร์, กันยายน 03, 2565
ไม่มีความคิดเห็น:

Labels: Q&A - แสดงความคิดเห็น
ความปลอดภัย,
นโนบาย
3Rs 4Cs 8Cs
ทักษะการคิด
การทำงานเป็นทีม การใช้ภาษา และการใช้เทคโนโลยี คือสิ่งที่สำคัญอย่างมาก สำหรับการใช้ชีวิตในยุคศตวรรษที่
21 การปลูกฝัง 4Cs ต้องเสริมสร้างทั้งจากครอบครัวและโรงเรียน
ผ่านกิจกรรมที่ครูและผู้ปกครองได้จัดขึ้น ทำให้เด็กได้ลงมือปฏิบัติจริง
ภายใต้การดูแลอย่างเหมาะสม เด็กจะมีทักษะในการเป็นผู้ค้นหาข้อมูลความรู้ด้วยตนเอง
และสามารถถ่ายทอดความรู้นั้นให้ผู้อื่นเข้าใจได้
C ที่ 1 : Creativity and Innovation
(ทักษะความคิดสร้างสรรค์)
- ü คิดนอกกรอบและต่อยอดเป็น
- ü มีกระบวนคิดเปิดกว้าง เป็นตัวของตัวเองไม่ซ้ำใคร (Originality) สามารถมองหาโอกาสและประเมินความเป็นไปได้
- ü ถ่ายทอดความคิดให้ผู้อื่นเข้าใจได้และยอมรับมุมมองผู้อื่นอย่างใจกว้าง
- ü สามารถต่อยอดไอเดียความคิดสร้างสรรค์ให้เกิดเป็นรูปธรรมขึ้น
C ที่ 2 : Critical Thinking and
Problem Solving (ทักษะการคิดวิเคราะห์)
- ü คิดอย่างมีวิจารณญาณและแก้ปัญหาเองได้
- ü ช่างสังเกต มองเห็นปัญหา ตั้งคำถาม
- ü อธิบายเหตุและผลตามสถานการณ์และมุมมองที่หลากหลายได้ มองภาพรวมเพื่อไปสู่ผลลัพธปลายทางจากระบบที่ซับซ้อนออก
- ü ประเมินและตัดสินใจจากการสังเกต หารือหลากหลายมุมมอง หาข้อมูล หลักฐานข้อพิสูจน์ได้
- ü ถอดบทเรียนความรู้ ข้อเสนอแนะหรือสิ่งที่ควรปรับปรุงจากประสบการณ์
- ü แก้ไขปัญหาด้วยวิธีที่ต่างไปจากเดิมหรือรู้จักประยุกต์หนทางแก้ปัญหามาใช้กับเรื่องใหม่ได้
C ที่ 3 : Communication (ทักษะการสื่อสาร)
- ü สื่อสารได้ถูกต้องเหมาะสม
- ü มีทักษะการพูด เขียน และสื่อภาษากายได้ตรงตามวัตถุประสงค์ (เช่น เพื่อแจ้งข่าว สอน โน้มน้าว หรือปลุกกระตุ้น)
- ü รับข้อมูลและตีความหมายได้ถูกต้อง รวมถึงนำเสนอต่อผู้อื่นได้ชัดเจน
- ü ปรับใช้สื่อและเทคโนโลยีให้เหมาะกับจุดประสงค์ และสามารถประเมินประสิทธิภาพของแต่ละสื่อได้
- ü สื่อสารได้ในทุกบริบทที่แตกต่างหลากหลาย (รวมถึง ใช้ภาษาได้มากกว่า 1 ภาษา)
C ที่ 4 : Collaboration (ทักษะการทำงานเป็นทีม)
- ü การทำงานร่วมกับผู้อื่น
- ü ทำงานเป็นทีม ยืดหยุ่น ปรับตัวให้ทำงานในสถานการณ์หรือทีมที่แตกต่างกันได้ เพื่อเป้าหมายเดียวกัน
- ü ยอมรับความสามารถและความแตกต่างของปัจเจกบุคคลควบคู่ไปกับการมีความรับผิดชอบต่อส่วนรวม
บก.สังวาลย์ คำจันทร์ /ผู้เขียนบทความ
elsestudio blogspot
บีนทึกโพส
วันเสาร์, กันยายน 03, 2565
ไม่มีความคิดเห็น:

สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)